สวัสดี

ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: บางคนตัดสินใจลาออกจากงานที่ตนรัก เพื่อสังเวยให้กับคนร้ายๆ ในองค์กร  (อ่าน 4051 ครั้ง)

Admin
  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 36430
    • ดูรายละเอียด
บางคนตัดสินใจลาออกจากงานที่ตนรัก เพื่อสังเวยให้กับคนร้ายๆ ในองค์กร


บางคนตัดสินใจลาออกจากงานที่ตนรัก เพื่อสังเวยให้กับคนร้ายๆ ในองค์กร
การสมัครงานและการลาออกเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดในโลกของการทำงาน ไม่ใช่เรื่อง ผิด อะไรหากเราจะมองหาบริษัทที่ให้ เงินเดือนมากขึ้น



          มองถึงตำแหน่งงานที่ก้าวไปไกลกว่าเดิม อยากเปลี่ยนสายงาน หรือแม้แต่ได้เลือกทำงานที่หลงใหลจริง ๆต่างก็เป็นเหตุผลที่เหมาะสมกับการลาออกทั้งนั้น แต่เรื่องที่คนส่วนใหญ่มักสงสัย ก็คือ เราต้องรู้อะไรบ้างหากจะลาออกหลายคนตัดสินใจลาออกจากงาuที่ตนรัก เพื่อสังเวยให้กับสังคมที่มีแต่คนร้าย ๆในองค์กร โดยที่เจ้านายไม่ได้ปกป้องลูกน้องที่ดี แต่กลับนิ่งเฉยปล่อยเนื้อร้าย ไว้ในองค์กรหลายบริษัทต้องเสียพนักงานดีๆ ไปเพียงเพราะมี “คนร้ายๆ ในองค์กร” แต่ก็ไม่สามารถจัดการอะไรได้ คนดีๆ คนเก่งๆ ก็ลาออกไปกันหมดหลายๆคน ตอบได้เต็มปากเต็มคำ “ฉัน รัก งาน ของฉันมากนะ” พวกเขาไม่ได้มีปัญหากับงาน หนักแค่ไหนก็ลุยได้แต่บางครั้งการทำงาuกับคนเลว ๆ กำลังจะทำให้เขาหมดไฟที่จะไปต่อกับองค์กรในที่สุด เขายอมละทิ้งงานที่เขารักเพื่อสังเวยให้กับคนเหล่านี้ได้เสมอ เมื่อเจ้านายไม่จัดการอะไรเลยสักอย่าง บอกอะไรก็ดูเหมือนจะไม่ตักเตือนหรือไร้ซึ่งการพัฒนาตนเองของคน ร้าย ๆ คนนั้น แล้วที่มันเลวร้าย ไปกว่านั้นคือ คนร้าย ๆเหล่านั้น กลับเป็นเจ้านายของเขาเสียเองและเป็นคนทำให้บรรยากาศการทำงาuมันแย่ไปกว่าเดิม “คนในองค์กรระดับสูง” คือชนชั้นเจ้านายมีผลมาก ต่อการที่วัฒนธรรมองค์กรจะเปลี่ยน หรือไม่เปลี่ยน ถ้าคุณเห็นบุคคล หรือกลุ่มคนที่เป็นเนื้อร้าย ขององค์กร ด้วยพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม แต่คุณยังคงนิ่งเฉย ไม่ทำอะไร สุดท้ายคนดีๆ ทำงาuเก่งๆเจ๋งๆ ก็จะลาออกไปกันหมดเพราะพวกเขาทนสภาวะแวดล้อมในการทำงานเลวๆนั้นไม่ได้ แต่ที่เจ้านายนิ่งเฉย บางครั้งเขาเห็นปัญหา แต่เขาทำเป็นไม่เห็น เพื่อไม่ให้ตัวเองเดือดร้อนไปด้วยหรือลงไปเล่นในสงครามการ เมือง ของลูกน้อง เพื่อเอาตัวรอด ให้ตนปลอดภัยไม่แตะลง “ ปัญหาคน”ทั้งๆที่มันกำลังจะเป็น ปัญหา กระทบไปถึงงาuเสียด้วยซ้ำ ความพยายามของเจ้านายในการแก้ปัญหาคน สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร และสิ่งแวดล้อมในการทำงาuให้น่าอยู่ขึ้น ซึ่งจะช่วย HR ขับเคลื่อนได้ดีมากด้วยความร่วมมือ การ report และ feedback ต่างๆ กลุ่มคนที่สร้างปัญหา ให้เพื่อนร่วมงาu และพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ในคำพูด และการกระทำมันทำให้การทำงาuไร้ความเป็นทีม จะหาความเป็นทีมได้จากคนทำงาuกร่างๆในที่ทำงาuที่ไม่สนใจการอยู่ร่วมกับคนอื่น หรือการสร้างวัฒนธรรมที่ดีในองค์กรคงหาไม่ได้อีกแล้วและถ้าพยายามแล้วที่จะแก้ไข แต่คนเหล่านั้นไม่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ผู้บริหารและ HR ควรต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งที่เด็ดขาดมากพอ ไม่อย่างนั้นแล้ว เขาจะเสียคนฝีมือดีที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ขององค์กรไปเรื่อยๆ จนเหลือไว้แต่ “เจ้าที่ขาโจ๋” ที่ทำตัวยิ่งใหญ่ แต่ไม่ทำงาน และไม่เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีแล้วก็ยังคงเก็บเอาไว้ในองค์กร ยอมจากไปเพื่อแลกกับ สุขภาพ จิตของตนเอง คนเราใช้เวลาในที่ทำงานปีหนึ่งๆ มากกว่าได้หยุดอยู่บ้านเสียอีก ลองคิดดูสิคะ บางคนอยู่ออฟฟิศมากว่าอยู่บ้านเสียอีกหลายคนรักงาu ยอมทำงาuโดยไม่รับโอที ยอมสละเวลาทุกอย่าง แต่กลับได้เพื่อนร่วมงานร้าย ๆ ก็ไม่อยากอยู่หรอกค่ะบอกตรงๆเลย มันเป็น ” สุขภาพจิต” ทั้งหมดของพวกเขา ให้เขาแลกชีวิตการทำงาน กับการต้องเป็นบ้ากับคนในงาน เมื่อเขาลองชั่งน้ำหนักแล้วมันไม่คุ้มสุดท้าย เขาเลือกลาออกไปดีกว่า เพราะมันแลกกับจิตที่ดีกลับมา และมันทำให้คุณค่าในการใช้ชีวิตในที่ทำงาuของเขากลับมาด้วย เมื่อได้ทำงาuที่รักและเจอเพื่อนร่วมงานที่น่ารักอยู่ร่วมไปด้วยกันมันทำให้โลกของการทำงาuน่าอยู่ เป็น teamwork งาuก็สำเร็จ ความสัมพันธ์ก็ดี ความสุขก็กลับมา แต่ ปัญหาคือ การลาออกไปหาที่ใหม่ ไม่ได้รับประกันว่า เราจะไม่เจอคน ร้าย ๆ แต่ก็ขอภาวนาละกันว่า ขอให้ได้เจ้านายดีๆที่จัดการผู้ร้าย ในคราบเพื่อนร่วมงาuให้เราได้ และเจ้านายก็อย่าเป็นผู้ ร้าย เสียเองเพี้ยงอ่านแล้วถูกใจมาก ทุกวันนี้ แม้แต่เพื่อนร่วมงาuหรือคนที่ปริญญาชีวิตรู้จัก หลายคนพบ ปัญหา นี้ และลาออกกันไปมากมายเพียงเพราะไม่ชอบเพื่อนร่วมงาน ทั้งๆ ที่เป็นคนที่ทำงานเก่งมาก สละเวลาทุกอย่างเพื่องาน และมีความรับผิดชอบสูงมาก แต่บริษัทไม่สามารถจัดการกับคนร้่ายๆ ที่เลี้ยงเอาไว้ได้เค้าจึงต้องขอลาออกไปหาที่ใหม่ที่อาจจะดีกว่าเดิมนั่นเอง

ขอบคุณบทความดีๆจาก http://beautyoflifes.com/